Wednesday, March 10, 2010
Thursday, March 4, 2010
NISSAN MARCH
ก็เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1,200 ซีซี น่ะครับช่วงล่างหน้า สตรัท หลัง เป็นบีม
ล้อขอบ 12 ยาง ของ โยโกฮามา และ แมกซิส (แล้วแต่ล็อต การผลิต)
นิสสันผลิตเยอะๆ ได้ เพราะ ปิดโรงงานที่ญี่ปุ่น แล้วย้ายเครื่องจักรมาไทย....วิศวกร ญีปุ่นที่ดูโครงการนี้ เขี้ยว สุด สุด
แต่ก็คง อยากให้รถมีคุณภาพดี ซัพพลาย เป็นลม ไปหลายรอบแล้วแก้แม่พิมพ์ เปลี่ยนแล้ว เปลี่ยนอีก
ทดสอบอยู่นั่นล่ะ ลองแล้วลองอีกแล้วมาคุยบอกว่า ชิ้นส่วนภายในคุณภาพดีกว่า ยี่ห้ออื่นๆ ทั้งที่เขาเสียภาษี 25%
คราวนี้ล่ะ มาสด้า2 ก็เหนื่อยใครว่าคนละกลุ่ม เห็น คนนั่ง
คัดๆ มาสูง 180 CM นั่งกัน 5 คนตัวรถ ยังวิ่ง ปรื้น...ฟริ้วๆๆๆๆ ไปเลย
ส่วนราคาก็ตามนี้
ลองคิดตามง่ายๆ นะจ๊ะ...(หยิบเครื่องคิดเลขมาด้วย นะ)
ราคา วีออส ล่างสุด สมมุติว่า 500,000 บาทภาษี 25% ก็คูณเข้าไป (แปลว่าถอดภาษี 25% ออกแล้ว)
เฉพาะเงินภาษี วีออส อย่างเดียว 125,000 เท่ากับว่า วีออส ถอดภาษีแล้ว
เหลือ ราคาตัวรถ บวกค่า การตลาดแล้ว คือ
375,000 (ตัว TOP สุด 700,000 ก็ภาษี 125,000 เท่ากันจ๊ะ)
"คนไทย ชอบซื้อ รถยนต์ที่ ออฟชั่น"
เช่น ทัศนคติ ที่เขาพูดๆ กัน
J = ประหยัดมาก รถเซลส์ใช้
E = มีเงินพอดี ราคาคุ้มค่า แค่นี้ก็พอแล้ว
S = สุดๆ ของออฟชั่น ใครๆ เห้น ก็เท่ห์
หากน้องมีนา สมมุติราคาต้นทุน บวกค่าการตลาด แล้ว เท่ากับวีออส คือ375,000 คูณ ภาษี 17%
(แปลว่า เฉพาะภาษี 17% คือ 63,750)
ราคาขายของน้องมีนา (ที่สมมุติขึ้น) จึงจะเท่ากับ 438,750 เท่านั้นจริงๆ....
แต่นั้นคือ ต้นทุนของวีออส ประเภทรถซัพคอมแพค ปริมาณการผลิตก็น้อยกว่า ECO
(ไม่โดนนับ 100,000 คัน ภายใน 5ปีด้วย)
ฐานภาษี ของบริษัท เมกเกอร์ และซัพพลายเออร์ก็ต้องขออนุญาต BOI
ดังนั้น ช่วง 5 ปี แรก ภาษี ณ.โรงงานผลิตแทบไม่มีเลย
หากพี่จะคิดราคาคำนวนต้นทุน บวกค่าการตลาด
ของน้องมีนา จึงขีดเส้นใต้ไว้ที่ 350,000 บาท
(กำหนดราคาตั้งคร่าวๆ ก่อนจึงจะสั่งคุณภาพ ซัพพลายเออร์ได้จ๊ะ)
ราคาที่ว่า บวก ภาษีอีก 17% คือ 59,500
รวมราคาขายปลีกที่ควรจะเป็น 409,500 บาทจ๊ะ ดังนั้น ราคา 400,000 บวก ลบ 20,000
เปิดตัว 13 มีนาคม ทุกโชว์รูมทั่วประเทศ
ล้อขอบ 12 ยาง ของ โยโกฮามา และ แมกซิส (แล้วแต่ล็อต การผลิต)
นิสสันผลิตเยอะๆ ได้ เพราะ ปิดโรงงานที่ญี่ปุ่น แล้วย้ายเครื่องจักรมาไทย....วิศวกร ญีปุ่นที่ดูโครงการนี้ เขี้ยว สุด สุด
แต่ก็คง อยากให้รถมีคุณภาพดี ซัพพลาย เป็นลม ไปหลายรอบแล้วแก้แม่พิมพ์ เปลี่ยนแล้ว เปลี่ยนอีก
ทดสอบอยู่นั่นล่ะ ลองแล้วลองอีกแล้วมาคุยบอกว่า ชิ้นส่วนภายในคุณภาพดีกว่า ยี่ห้ออื่นๆ ทั้งที่เขาเสียภาษี 25%
คราวนี้ล่ะ มาสด้า2 ก็เหนื่อยใครว่าคนละกลุ่ม เห็น คนนั่ง
คัดๆ มาสูง 180 CM นั่งกัน 5 คนตัวรถ ยังวิ่ง ปรื้น...ฟริ้วๆๆๆๆ ไปเลย
ส่วนราคาก็ตามนี้
ลองคิดตามง่ายๆ นะจ๊ะ...(หยิบเครื่องคิดเลขมาด้วย นะ)
ราคา วีออส ล่างสุด สมมุติว่า 500,000 บาทภาษี 25% ก็คูณเข้าไป (แปลว่าถอดภาษี 25% ออกแล้ว)
เฉพาะเงินภาษี วีออส อย่างเดียว 125,000 เท่ากับว่า วีออส ถอดภาษีแล้ว
เหลือ ราคาตัวรถ บวกค่า การตลาดแล้ว คือ
375,000 (ตัว TOP สุด 700,000 ก็ภาษี 125,000 เท่ากันจ๊ะ)
"คนไทย ชอบซื้อ รถยนต์ที่ ออฟชั่น"
เช่น ทัศนคติ ที่เขาพูดๆ กัน
J = ประหยัดมาก รถเซลส์ใช้
E = มีเงินพอดี ราคาคุ้มค่า แค่นี้ก็พอแล้ว
S = สุดๆ ของออฟชั่น ใครๆ เห้น ก็เท่ห์
หากน้องมีนา สมมุติราคาต้นทุน บวกค่าการตลาด แล้ว เท่ากับวีออส คือ375,000 คูณ ภาษี 17%
(แปลว่า เฉพาะภาษี 17% คือ 63,750)
ราคาขายของน้องมีนา (ที่สมมุติขึ้น) จึงจะเท่ากับ 438,750 เท่านั้นจริงๆ....
แต่นั้นคือ ต้นทุนของวีออส ประเภทรถซัพคอมแพค ปริมาณการผลิตก็น้อยกว่า ECO
(ไม่โดนนับ 100,000 คัน ภายใน 5ปีด้วย)
ฐานภาษี ของบริษัท เมกเกอร์ และซัพพลายเออร์ก็ต้องขออนุญาต BOI
ดังนั้น ช่วง 5 ปี แรก ภาษี ณ.โรงงานผลิตแทบไม่มีเลย
หากพี่จะคิดราคาคำนวนต้นทุน บวกค่าการตลาด
ของน้องมีนา จึงขีดเส้นใต้ไว้ที่ 350,000 บาท
(กำหนดราคาตั้งคร่าวๆ ก่อนจึงจะสั่งคุณภาพ ซัพพลายเออร์ได้จ๊ะ)
ราคาที่ว่า บวก ภาษีอีก 17% คือ 59,500
รวมราคาขายปลีกที่ควรจะเป็น 409,500 บาทจ๊ะ ดังนั้น ราคา 400,000 บวก ลบ 20,000
เปิดตัว 13 มีนาคม ทุกโชว์รูมทั่วประเทศ
Thursday, February 25, 2010
Wednesday, February 24, 2010
TOYOTA Aygo
TOYOTA Aygo ก็มีคนเล็งไว้ว่าจะกลายเป็น ECO-CAR ของไทย ด้วยขนาดกระทัดรัดและเสป๊คต่ำ แดร๊กน้ำมันน้อย แต่ถ้าเอาเข้ามาในไทยมันก็คงโนภาษีกระหน่ำเข้าไป เฮ้อ -*-
"Aygo เป็นซิตี้คาร์ขนาดจิ๋ว มาพร้อมรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวทันสมัย ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVT-i สามารถสร้างแรงม้าได้ 67 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิด 9.4 กก.-ม.ที่ 3,600 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ธรรมดาแบบ Multi-mode Manual Transmission (MMT) ผู้ขับสามารถเปลี่ยนเกียร์โดยที่ไม่ต้องเหยียบคลัตช์ หรือถ้าขี้เกียจเปลี่ยนเกียร์ก็สามารถเลือกโหมดอัตโนมัติได้ และยังมีเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.4 ลิตร 53 แรงม้า สำหรับผู้ที่ต้องการความประหยัดอีกด้วย"
ถึงแม้จะเป็นรถขนาดเล็ก แต่เรื่องระบบความปลอดภัยสามารถไว้วางใจได้ ด้วยโครงสร้างตัวถังแบบ MICS (Minimal Intrusion Cabin System) ที่สามารถยุบตัวและซับแรงกระแทกจากการชนทุกทิศทาง เพื่อรักษาโครงสร้างของห้องโดยสารไว้ จนสามารถผ่านการทดสอบการชนของ Euro NCAP ในระดับ 4 ดาว ส่วนระบบความปลอดภัยด้าน Active safety ก็มีทั้งระบบเบรก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD
Aygo จะถูกผลิตขึ้นที่โรงงานแห่งใหม่ในสาธารณรัฐเชค ที่ทาง TOYOTA ได้ร่วมมือกับ PSA Peugeot Citroen พัฒนารถขนาดเล็กและใช้แพลตฟอร์มร่วมกัน มีกำลังการผลิต 300,000 คันต่อปี และ 1 ใน 3 นั้นก็จะเป็น Aygo ทาง TOYOTA เปิดตัว Aygo ที่ประเทศอังกฤษ เป็นที่แรกในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และตั้งยอดจำหน่ายในปีนี้ที่ 3,400 คัน และจะเพิ่มเป็น 13,000 คัน ในปี 2006
"Aygo เป็นซิตี้คาร์ขนาดจิ๋ว มาพร้อมรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวทันสมัย ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVT-i สามารถสร้างแรงม้าได้ 67 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิด 9.4 กก.-ม.ที่ 3,600 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ธรรมดาแบบ Multi-mode Manual Transmission (MMT) ผู้ขับสามารถเปลี่ยนเกียร์โดยที่ไม่ต้องเหยียบคลัตช์ หรือถ้าขี้เกียจเปลี่ยนเกียร์ก็สามารถเลือกโหมดอัตโนมัติได้ และยังมีเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.4 ลิตร 53 แรงม้า สำหรับผู้ที่ต้องการความประหยัดอีกด้วย"
ถึงแม้จะเป็นรถขนาดเล็ก แต่เรื่องระบบความปลอดภัยสามารถไว้วางใจได้ ด้วยโครงสร้างตัวถังแบบ MICS (Minimal Intrusion Cabin System) ที่สามารถยุบตัวและซับแรงกระแทกจากการชนทุกทิศทาง เพื่อรักษาโครงสร้างของห้องโดยสารไว้ จนสามารถผ่านการทดสอบการชนของ Euro NCAP ในระดับ 4 ดาว ส่วนระบบความปลอดภัยด้าน Active safety ก็มีทั้งระบบเบรก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD
Aygo จะถูกผลิตขึ้นที่โรงงานแห่งใหม่ในสาธารณรัฐเชค ที่ทาง TOYOTA ได้ร่วมมือกับ PSA Peugeot Citroen พัฒนารถขนาดเล็กและใช้แพลตฟอร์มร่วมกัน มีกำลังการผลิต 300,000 คันต่อปี และ 1 ใน 3 นั้นก็จะเป็น Aygo ทาง TOYOTA เปิดตัว Aygo ที่ประเทศอังกฤษ เป็นที่แรกในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และตั้งยอดจำหน่ายในปีนี้ที่ 3,400 คัน และจะเพิ่มเป็น 13,000 คัน ในปี 2006
Friday, February 19, 2010
Toyota Aygo
Aygo เป็นซิตี้คาร์ขนาดจิ๋ว มาพร้อมรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวทันสมัย
>>ติดตั้งเครื่องยนต์
>>เบนซินขนาด 1 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVT-i สามารถสร้างแรงม้าได้ 67
>>แรงม้า
>>ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิด 9.4 กก.-ม.ที่ 3,600 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านระบบ
>>เกียร์ธรรมดาแบบ Multi-mode Manual Transmission (MMT) ผู้ขับสามารถเปลี่ยน
>>เกียร์โดยที่ไม่ต้องเหยียบคลัตช์
>>หรือถ้าขี้เกียจเปลี่ยนเกียร์ก็สามารถเลือกโหมดอัตโนมัติได้
>>และยังมีเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.4 ลิตร 53 แรงม้า
>>สำหรับผู้ที่ต้องการความประหยัดอีก
Thursday, February 18, 2010
2010 Nissan Micra/March will be unveiled in Thailand
The next generation Nissan Micra/March will be manufactured in key developing regions of the world. Reports in the media state the new compact car intended for maturing markets like India, Africa and parts of Europe will debut in Thailand in March 2010.
The new Nissan small car will not only be manufactured in India, but also in Thailand, China, Mexico and an unnamed location.
Nissan will begin production of the Micra/March at its new facility near Chennai, in India, in May 2010. The facility has an installed capacity of about 200,000 vehicles per year. A major share of the production is intended for European countries.
The car will make use of a new “dual injection” technology that will lower emissions and improve gas mileage of the car.
The localization level of the car made in India would be 80-90 percent. Nissan has already roped in 94 suppliers to achieve this target. In Thailand, to avail cost benefits, this car will be Nissan’s entry in Thailand’s eco car project, an initiative by the government to attract foreign investments.
Read more: http://indianautosblog.com/2009/07/new-nissan-march-micra-2010-dual-injection#ixzz0fwDqKsA1
The new Nissan small car will not only be manufactured in India, but also in Thailand, China, Mexico and an unnamed location.
Nissan will begin production of the Micra/March at its new facility near Chennai, in India, in May 2010. The facility has an installed capacity of about 200,000 vehicles per year. A major share of the production is intended for European countries.
The car will make use of a new “dual injection” technology that will lower emissions and improve gas mileage of the car.
The localization level of the car made in India would be 80-90 percent. Nissan has already roped in 94 suppliers to achieve this target. In Thailand, to avail cost benefits, this car will be Nissan’s entry in Thailand’s eco car project, an initiative by the government to attract foreign investments.
Read more: http://indianautosblog.com/2009/07/new-nissan-march-micra-2010-dual-injection#ixzz0fwDqKsA1
Subscribe to:
Posts (Atom)